พรีเมียร์ลีกครองความเหนือชั้นด้วยชัยชนะห้าครั้งและเสมอหนึ่งครั้ง กวาดล้างทั้งสองทีมจากลาลีกา! ห้าทีมติดอันดับท็อปเท็น ทีมม้ามืดแซงหน้าเรอัล มาดริด _การแข่งขัน_ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด_ แชมเปียนส์ลีก

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน เวลาปักกิ่ง การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025-26 รอบที่สี่ได้สิ้นสุดลง สโมสรจากพรีเมียร์ลีกยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทั้งหกทีมที่เข้าร่วมสามารถเก็บชัยชนะได้ห้าครั้งและเสมอหนึ่งครั้ง รักษาสถิติไร้พ่ายไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิเวอร์พูลและนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะคู่แข่งจากลาลีกาได้สองครั้ง

ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกสามนัดของวัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปอย่างขาดลอย 4-1 ในบ้าน ทำให้พวกเขาไม่แพ้ใครติดต่อกันเป็นนัดที่สาม และเสมอหนึ่งนัด จากการแข่งขันสี่นัดล่าสุด

ผลงานที่น่าประหลาดใจที่สุดมาจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งคว้าชัยชนะ 2-0 เหนือแอธเลติก บิลเบา ใน 'การปะทะกันระหว่างอังกฤษ-สเปน' ด้วยชัยชนะ 3 นัดและแพ้ 1 นัดจาก 5 นัดแรก พวกเขาเก็บได้ 9 คะแนน โดยแพ้เพียงนัดเดียวให้กับบาร์เซโลนา ปัจจุบันนิวคาสเซิลมีคะแนนเท่ากับปารีส แซงต์-แชร์กแมงและเรอัล มาดริด อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยผลต่างประตูได้เสีย แม้จะเหนือกว่ายักษ์ใหญ่จากสเปนก็ตาม

นอกจากนี้ ชัยชนะ 1-0 ของลิเวอร์พูลในบ้านเหนือเรอัล มาดริด ทีมจ่าฝูงลาลีกาเมื่อวานนี้ ทำให้ทีมจากพรีเมียร์ลีกคว้าชัยชนะทั้งหมดในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกกับทีมจากสเปนในรอบนี้

ทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้คือเชลซี ซึ่งถูกทีมจากอาเซอร์ไบจานอย่างคาราบักเสมอ 2-2 หลังจากส่งผู้เล่นชุดผสมลงสนามในเกมเยือน การเสมอของเชลซีเพิ่มความผิดหวังให้กับแคมเปญพรีเมียร์ลีก ซึ่งหากไม่เช่นนั้นสโมสรอังกฤษจะสร้างสถิติชนะติดต่อกัน 6 นัดในประวัติศาสตร์

การแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ผ่านไปแล้วสี่รอบ โดยห้าทีมจากพรีเมียร์ลีกอยู่ในอันดับท็อปเท็นของตารางกลุ่ม อาร์เซนอลอยู่อันดับสองหลังจากชนะติดต่อกันสี่นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่อันดับสี่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ดอยู่อันดับหก และลิเวอร์พูลอยู่อันดับแปด ทั้งสี่ทีมนี้อยู่ในตำแหน่งที่จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์โดยตรง

นอกจากนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ อยู่ในอันดับที่สิบ แม้จะมีฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง แต่เชลซี ทีมสุดท้ายที่เหลืออยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็อยู่ในอันดับที่สิบสอง หากทีมจากพรีเมียร์ลีกทั้งหกทีมสามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ได้ในที่สุด ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด